จะเชื่อได้อย่างไรว่าโรงงานที่ผลิตมี มาตรฐาน และไม่หลอกลวงผู้บริโภค!!! (ตอนที่ 3 ISO)

มาตรฐาน,มาตรฐานที่โรงงานควรมี,ประโยชน์ของการมีมาตรฐาน,มาตรฐานในสินค้าอาหารเสริม

จะเชื่อได้อย่างไรว่าโรงงานที่ผลิตมี มาตรฐาน และไม่หลอกลวงผู้บริโภค!!! (ตอนที่ 3 ISO)

มาตรฐาน ISO คืออะไร? ในบทความมาตรฐานโรงงานบทสุดท้ายนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องมาตรฐาน ISO ที่จะทำให้เราทราบว่าโรงงานที่เราจะซื้อผลิตภัณฑ์น่าเชื่อถือหรือไม่ แล้วเจ้ามาตรฐานนี้คืออะไรมาจากไหนและสำคัญอย่างไร วันนี้ วิณพา จะพาทุกคนไปไขข้อสงสัยกันค่ะ???

มาตรฐานISO(มาตรฐาน ไอเอสโอ) เป็นชื่อย่อของ International Standards Organization ชื่อองค์การว่า องค์การมาตรฐานสากล หรือองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐานเป็นองค์กรที่ออกมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และอุตสาหกรรม ส่วนมาตรฐานที่องค์กรนี้ออกมา ก็ใช้ชื่อนำหน้าว่าISOเช่น ISO9000 และ ISO14000 ซึ่งก็เป็นมาตรฐานที่ว่าด้วยระบบบริหารคุณภาพ และระบบบริหารสิ่งแวดล้อม มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจ และขจัดข้อโต้แย้งรวมถึงการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือการจัดระเบียบการค้าโลก ด้วยการสร้างมาตรฐานขึ้นมานั่นเอง

SGS-03

ความเป็นมา สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ก่อตั้งเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 1947 (พ.ศ. 2490) ปัจจุบันมีสมาชิก 143 ประเทศ ซึ่งครั้งแรกนั้นมีผู้แทนจากประเทศต่างๆ 25 ประเทศร่วมประชุมกันที่กรุงลอนดอนมีมติตั้งองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐานขึ้น และสหประชาชาติได้ให้การยอมรับเป็นองค์การชำนาญพิเศษประเภทที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐบาล โดยย้อนกลับไปเมื่อหลังสงครามโลกสงบลง ช่วงที่ISOเริ่มก่อตั้งประเทศต่างๆไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักต่างมี ระบบมาตรฐานไม่เหมือนกัน จนในปีในปีค.ศ. 1978 (2521) สถาบันมาตรฐานแห่งประเทศเยอรมนี (DIN) มีแนวคิดที่จะนำระบบมาตรฐานของแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกันมารวมให้เป็นมาตรฐานประเภทเดียว ทั้งนี้เพื่อขจัดปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น ดังนั้นทางมาตรฐานISO จึงได้ตั้งคณะกรรมการทางด้านเทคนิค (Technic Committee:ISO/TC/176) ขึ้นมา การจัดตั้งองค์กรมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือเกิดระบบมาตรฐานของโลกที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไป ISOเดิมใช้คำย่อว่า"IOS"โดยมีความหมายในภาษากรีกแปลว่า ความสับสน (ไม่เป็นมงคล) จึงเปลี่ยนมาเป็นภาษากรีกคือISOSแปลว่า "เท่าเทียมกัน" และตรงกับเจตนารมณ์ขององค์การที่ต้องการให้ทั่วโลก มีมาตรฐานที่มีความเท่าเทียมกัน (ทัดเทียมกัน)โดยมีภารกิจหลัก คือ

  1. ให้การสนับสนุนพัฒนามาตรฐาน และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อสนองต่อการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการของนานาชาติทั่วโลก
  1. พัฒนาความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเศรษฐศาสตร์ และภูมิปัญญาของมวลมนุษย์ชาติ

มาตรฐานISO ที่สำคัญ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ได้รับเอาระบบคุณภาพอนุกรมมาตรฐานสากลISOมาใช้ในการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพในการบริหารองค์กร ได้แก่

  1. ระบบบริหารงานคุณภาพ
  2. การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม
  3. การประเมินความสามารถทางวิชาการของ ห้องปฏิบัติการ
  4. การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
  5. การจัดการความปลอดภัยของอาหาร

ประโยชน์ของมาตรฐาน  
1. องค์กร/บริษัท

- การจัดองค์กร การบริหารงาน การผลิตตลอดจนการให้บริการมีระบบ และมีประสิทธิภาพ

- ผลิตภัณฑ์และบริการ เป็นที่พึงพอใจของลูกค้าหรือผู้รับบริการและได้รับการยอมรับ

- ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กร

- ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

2. พนักงานภายในองค์กร/บริษัท

- มีการทำงานเป็นระบบ

- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

- พนักงานมีจิตสำนึกในเรื่องของคุณภาพมากขึ้น

- มีวินัยในการทำงาน

- พัฒนาการทำงานเป็นทีมหรือเป็นกลุ่มมีการประสานงานที่ดี และสามารถพัฒนาตนเองตลอดจนเกิดทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน

3. ผู้ซื้อ/ผู้บริโภค

- มั่นใจในผลิตภัณฑ์และบริการ ว่ามีคุณภาพตามที่ต้องการ

- สะดวกประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องตรวจสอบคุณภาพซ้ำ

- ได้รับการคุ้มครองด้านคุณภาพความปลอดภัยและการใช้งาน

จากที่เราเขียนมาตรฐานที่เราทั้งสามตัวถือว่าทุกๆตัวมีความสำคัญและสร้างน่าเชื่อถือให้กับโรงงานได้ไม่น้อยทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆสามารถมั่นใจในสินค้าผลิตภัณฑ์