ลูทีน สารสกัดที่ได้จากพืชผักผลไม้ที่ช่วยบำรุงดวงตาคุณ

ลูทีน สารสกัดที่ได้จากพืชผักผลไม้ที่ช่วยบำรุงดวงตาคุณ

ลูทีน เป็นสารอาหารในอันดับต้น ๆ ที่เชื่อกันว่ามีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพดวงตาและป้องกันโรคตาบางชนิด เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก หรือแม้แต่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อย่างโรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งลำไส้ แต่คุณประโยชน์เหล่านี้เชื่อถือได้จริงหรือไม่ ทางวิทยาศาสตร์มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง ? วันนี้ วิณพา จะพามารู้จักกับเจ้าสารลูทีนกันค่ะ

ลูทีนเป็นสารอาหารในกลุ่มเดียวกับเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอที่พบได้มากในผักและผลไม้หลายชนิด เช่น ผักปวยเล้ง บร็อคโคลี่ คะน้า ข้าวโพด กีวี่ องุ่น ส้ม เป็นต้น เชื่อกันว่าการกินผักผลไม้เหล่านี้จะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากลูทีนมากมาย นอกจากนี้หลายคนยังนิยมกินอาหารเสริมหรือวิตามินรวมที่มีลูทีนเป็นส่วนประกอบเพื่อสรรพคุณทางยา ซึ่งปรากฏผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ด้านสุขภาพของลูทีนในแง่มุมต่าง ๆ ดังนี้

บำรุงสายตา : เนื่องจากลูทีนเป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดสำคัญที่มีอยู่ในจอประสาทตาของมนุษย์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเม็ดสีจอประสาทตา มีหน้าที่กรองแสงและป้องกันดวงตาจากแสงแดดหรือคลื่นแสงพลังงานสูงอย่างรังสีอัลตราไวโอเลต นักวิจัยหลายคนจึงเชื่อว่าเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างการมองเห็นและบำรุงสุขภาพดวงตา โดยเฉพาะแก้วตาและจอประสาทตา การศึกษาทางวิทยาศาสตร์บางชิ้นยังชี้ให้เห็นว่าปริมาณลูทีนและซีแซนทีนในดวงตาส่งผลต่อประสิทธิภาพการมองเห็นของคนเรา การได้รับสารอาหารดังกล่าวในปริมาณมากจึงอาจช่วยให้มองเห็นได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในที่มืดสลัว ดังปรากฏในงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนขับรถที่มีสุขภาพดีกินอาหารเสริมลูทีนวันละ 20 มิลลิกรัมแล้ววัดปริมาณเม็ดสีในจอตาและประสิทธิภาพในการมองเห็น ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่กินลูทีนมีระดับเม็ดสีในจอประสาทตามากขึ้นและมีคะแนนการประเมินความคมชัดและความสว่างในการมองเห็นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้กินลูทีน จึงกล่าวได้ว่าลูทีนอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในที่มืดและส่งผลให้ขับรถตอนกลางคืนได้ดีขึ้น รวมทั้งจอตามีความไวต่อแสงมากขึ้นพอ ๆ กัน

การศึกษาทางวิทยาศาสตร์บางชิ้นยังชี้ให้เห็นว่าปริมาณลูทีนและซีแซนทีนในดวงตาส่งผลต่อประสิทธิภาพการมองเห็นของคนเรา การได้รับสารอาหารดังกล่าวในปริมาณมากจึงอาจช่วยให้มองเห็นได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในที่มืดสลัว ดังปรากฏในงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนขับรถที่มีสุขภาพดีกินอาหารเสริมลูทีนวันละ 20 มิลลิกรัมแล้ววัดปริมาณเม็ดสีในจอตาและประสิทธิภาพในการมองเห็น ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่กินลูทีนมีระดับเม็ดสีในจอประสาทตามากขึ้นและมีคะแนนการประเมินความคมชัดและความสว่างในการมองเห็นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้กินลูทีน จึงกล่าวได้ว่าลูทีนอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในที่มืดและส่งผลให้ขับรถตอนกลางคืนได้ดีขึ้น

ช่วยเรื่องความจำ : นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นวิตามินบำรุงสายตาแล้ว ลูทีนยังขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงสมองและเสริมสร้างความจำ โดยเชื่อกันว่าอาจช่วยให้ผู้สูงอายุเสี่ยงความจำเสื่อมน้อยลง งานวิจัยชิ้นหนึ่งแบ่งผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุ 60-80 ปี จำนวน 49 ราย ออกเป็น 4 กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มกินอาหารเสริมต่างชนิดกัน ได้แก่ กรดไขมัน DHA 800 มิลลิกรัม/วัน ลูทีน 12 มิลลิกรัม/วัน กรดไขมัน DHA และลูทีน หรือไม่ได้กินอาหารเสริมใด ๆ เป็นเวลา 4 เดือน พร้อมเข้ารับการทดสอบความจำและการเรียนรู้ ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่กินลูทีน กรดไขมัน DHA และกลุ่มที่กินทั้งกรดไขมัน DHA และลูทีน มีคะแนนความสามารถด้านการใช้ภาษาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลุ่มที่กินทั้ง 2 อย่างมีคะแนนด้านความจำและการเรียนรู้มากขึ้นด้วย จึงอาจกล่าวได้ว่าการได้รับกรดไขมัน DHA ควบคู่อาหารเสริมลูทีนช่วยให้ผู้สูงอายุมีความจำดีขึ้นได้

เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ : หนึ่งในคุณประโยชน์ของลูทีนที่ได้รับการกล่าวอ้างคือป้องกันปัญหาสุขภาพหัวใจ โดยหลายคนเชื่อว่าอาหารเสริมลูทีนอาจช่วยบรรเทาอาการป่วยของโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้ งานวิจัยหนึ่งจึงทดลองให้ผู้ป่วยโรคนี้กินอาหารเสริมลูทีนวันละ 20 มิลลิกรัม ติดต่อกัน 3 เดือน ผลปรากฏว่าลูทีนช่วยลดอาการอักเสบในร่างกายและช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ซึ่งเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมอาการของโรคหลอดเลือดแดงแข็ง

บำรุงผิวพรรณ :  ลูทีนเป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกรองแสงสีฟ้าและปกป้องผิวจากคลื่นแสงพลังงานสูง จึงมีความเชื่อว่าหากรับประทานอาหารเสริมหรือผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยลูทีนจะช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใสและมีสุขภาพดียิ่งขึ้น ประเด็นนี้มีการศึกษากับผู้ที่มีผิวแห้งจำนวน 50 ราย โดยแบ่งให้ผู้เข้าร่วมการทดลองกลุ่มหนึ่งกินอาหารเสริมลูทีน 10 กรัม ร่วมกับซีแซนทีน 2 กรัม เป็นเวลาติดต่อกัน 12 สัปดาห์ ส่วนอีกกลุ่มไม่ได้กินอาหารเสริมดังกล่าว ซึ่งผลพบว่าผู้ที่กินอาหารเสริมลูทีนร่วมกับซีแซนทีน มีผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสมากขึ้นเมื่อเทียบกับอีกกลุ่มหนึ่ง

กินลูทีนอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์

  • ควรรับประทานอาหารเสริมลูทีนไม่เกินวันละประมาณ 7 - 15 มิลลิกรัม
  • สตรีมีครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตรควรเลี่ยงการบริโภคอาหารเสริมลูทีน แต่รับประทานผักหรือผลไม้ที่อุดมไปด้วยลูทีนแทน
  • ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเซลล์เยื่อเมือกที่สร้างสารคัดหลั่งหรือโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้อาหารเสริมลูทีน เนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยอาจดูดซึมสารแคโรทีนอยด์ได้น้อยและส่งผลให้มีระดับลูทีนในเลือดต่ำได้