ประโยชน์ชั้นเลิศของ แลคโตบาซิลลัสรามโนซัส

ประโยชน์ชั้นเลิศของ แลคโตบาซิลลัสรามโนซัส

แลคโตบาซิลลัสรามโนซัส คือจุลินทรีย์มีชีวิต ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ขับสารพิษ ปรับสมดุลในลำไส้ และนอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพต่อร่างกายและระบบทางเดินอาหารแล้ว ยังเรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับทุกคนเลยทีเดียว วันนี้ วิณพา จะพาทุกคนไปดูประโยชน์สำคัญของจุลินทรีย์ชนิดนี้กันค่ะ

Lactobacillus rhamnosus (แลคโตบาซิลลัสรามโนซัส) หรือ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ สายพันธุ์แรมโนซัส GG เป็นหนึ่งในโพรไบโอติกที่มีคุณสมบัติในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ เช่น ท้องเสียที่เกิดจากการติดเชื้อ โรคท้องเสียฉับพลันที่เกิดในเด็ก และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย โดยสามารถพบจุลินทรีย์ชนิดนี้ได้มากที่สุดบริเวณช่องคลอด และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กระเพาะอาหาร หรือลำไส้ใหญ่ รวมทั้งยังสามารถพบได้ในอาหาร เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต เครื่องดื่มประเภทชาหมัก รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของจุลินทรีย์สุขภาพชนิดนี้

แลคโตบาซิลลัสรามโนซัสมีคุณสมบัติเด่นคือ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยแก้และบรรเทาอาการท้องร่วง รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากอาการภูมิแพ้ และลดการติดเชื้อภายในช่องคลอด มีส่วนช่วยให้ลดการแพ้แลคโตสในน้ำนมได้อีกด้วย สำหรับแลคโตบาซิลลัสรามโนซัสหรือ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์สายพันธุ์รามโนซัส GG เป็นสายพันธุ์ที่ถูกค้นพบโดย Sherwood Gorbach และ Barry Goldin ซึ่งกระบวนการทำงานของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์จะอยู่ตรงบริเวณผิวของลำไส้เล็ก โดยในบริเวณของใต้ผิวเยื่อบุลำไส้มี Gut Associated Lymphonid Tissue, GALT ที่ประกอบไปด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันมากถึงร้อยละ 80 จึงทำให้บริวเวณของอวัยวะในส่วนนี้เปรียบเสมือนหัวใจหลักของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเลยก็ว่าได้

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้วเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวเยื่อบุลำไส้ ร่างกายจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีจุลินทรีย์คอยทำหน้าที่ปกป้องบริเวณผิวเยื่อบุเพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาและก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

ประโยชน์ของ แลคโตบาซิลลัสรามโนซัส

แลคโตบาซิลลัสรามโนซัส หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์สายพันธุ์แรมโนซัส GG มีความโดดเด่นในเรื่องของการป้องกันลำไส้และระบบทางเดินอาหาร หากพ่อและแม่ส่งเสริมให้ลูกได้รับประทานจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ก็จะยิ่งได้ประโยชน์อย่างครบถ้วน ดังนี้ 

  • มีความทนทานต่อการถูกทำลายด้วยกรดในกระเพาะ และด่างที่ลำไส้เล็ก
  • สามารถเกาะยึดติดกับผิวเยื่อบุลำไส้ได้ดีกว่าจุลินทรีย์สายพันธุ์อื่น
  • สามารถปล่อยสารสำหรับฆ่าเชื้อดื้อยา ลดจำนวนจุลินทรีย์ที่ก่อโรคในโพรงลำไส้
  • สามารถเพิ่มปริมาณในการป้องกันผิวเยื่อบุลำไส้
  • ช่วยปกป้องผิวเยื่อบุที่ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันตื่นตัว และกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สร้างชั้นเคมีขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันให้กับร่างกายจากเชื้อที่เป็นอันตราย
  • ช่วยในการย่อยอาหาร โดยเฉพาะน้ำตาลแลคโตสในนม
  • ช่วยสร้างวิตามินให้ภาวะโพรงลำไส้เป็นกรด
  • ช่วยให้แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม และธาตุเหล็กดูดซึมได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยป้องกันสารพิษที่เข้ามาภายในโพรงลำไส้ ช่วยทำให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น